คุณแม่ตั้งครรภ์กับอาหาร คือเรื่องที่ต้องปรับให้เข้ากับความต้องการของร่างกาย ไม่ใช่ว่าคุณแม่มือใหม่จะสามารถกินอะไรตามใจปาก ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ แต่คนที่กำลังจะมีลูกควรรู้ว่าอาหารชนิดไหนควรกิน และอาหารชนิดไหนไม่ควรกิน เพราะยิ่งคุณสามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนอาหารได้ดี ลูกของคุณก็มีโอกาสจะแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่ว่าXXXกันเสร็จพอท้องก็ดูแลไปตามความเข้าใจของตัวเอง เราต้องมีความละเอียดอ่อนในการดูแลด้วย จะมีอาหารไหนบ้าง มาดูกันเลย
เดือนที่ 1 เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงการกินอาหารด้วยการปรับตัวทีละนิด เริ่มต้นง่ายๆจากการงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ละงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ถ้าคุณยังไม่เริ่มปรับตัวจะเกิดอันตรายต่อพัฒนาการของลูกในท้อง และยังเสี่ยงที่เด็กจะมีความผิดปกติทางสมอง ที่สำคัญเพื่อสุขภาพของแม่และลูก ควรงดของหวาน หรือทานเฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น เนื่องจากน้ำตาลจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเบาหวาน อาจเกิดครรภ์เป็นพิษเสี่ยงที่จะแท้ง และยังต้องระวังน้ำตาลด้วยเพราะช่วงตั้งครรภ์ร่างกายจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ถ้าไม่ควบคุมอาจจะเหลือน้ำหนักค้างหลังคลอด
เดือนที่ 2 เดือนแห่งการแพ้ท้อง และการดูแลด้านอาหารมากเป็นพิเศษ เนื่องจากคุณแม่จะเกิดอาการอาเจียนได้ง่าย อาหารที่ควรกินในช่วงนี้คืออาหารที่ย่อยง่าย และเน้นอาหารที่รสไม่จัด เช่น ข้าวต้มเครื่อง ข้าวผัด และเน้นอาหารที่มีวิตามินบี 6 เช่น ข้าวซ้อมมือ หรือเน้นที่เนื้อสัตว์ จะช่วยให้อาการอาเจียนดีขึ้นได้ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ให้ดื่มน้ำมะพร้าว จะสามารถลดอาการคลื่นไส้ได้ดี ช่วงนี้ต้องระวังเพราะอาจจะร่วมรักXXXไม่สะดวก เนื่องจากอาการแพ้ท้อง แต่ถือว่ายังสามารถทำกิจกรรมทางเพศได้อยู่
เดือนที่ 3 ช่วงที่ร่างกายเริ่มขยายตัว ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้องที่เริ่มนูนและเห็นชัดขึ้น หรือจะเป็นร่างกายส่วนอื่นๆที่เริ่มขยายใหญ่ ทำให้คุณแม่ดูมีน้ำมีนวล ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ อาหารในช่วงนี้ต้องเน้นอาหารที่มีใยอาหารสูง เพื่อช่วยระบบขับถ่ายทำให้รู้สึกอึดอัดน้อยลง หรือจะเปลี่ยนมืออาหารมาเป็นผลไม้ที่มีแอนตี้ออกซิแดนซ์ ทานเป็นมืออาหารหลักวันละ 1 มื้อ ช่วยในเรื่องผิวพรรณไม่ให้เกิดรอยแตก และช่วงนี้ต้องเริ่มทานอาหารที่มีน้ำตาลน้อยๆ เพื่อป้องกันภาวะน้ำหนักค้าง และลดความเสี่ยงที่จะเกิดเบาหวานช่วงตั้งครรภ์ อาการที่กินได้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่เน้นแคลเซียมและโปรตีน สำหรับบำรุงร่างกายลูกน้อยในท้อง